การทำความสะอาดผิวหน้า
คนไทยในปัจจุบันนี้เริ่มหันมาให้ความสนในการดูแลรักษาสุขภาพกันมากขึ้น และสิ่งที่สำคัญอีกเรื่องคือใบหน้าของคนเราที่จะบ่งบอกว่าผู้นั้นมีสุขภาพดีหรือไม่ ดูแก่ก่อนวัยอันควรหรือเปล่า ซึ่งทุกคนทำความสะอาดใบหน้ากันทุกวันอยู่แล้ว แต่เคยถามตัวเองบ้างหรือป่าวว่าสารทั้งหลายที่นำมาใช้ทำความสะอาดผิวหน้านั้นมีผลอย่างไรบ้างกับผิวหน้า และเมื่อพูดถึงการทำความสะอาดผิวหน้าคนส่วนใหญ่จะใช้น้ำและสบู่ในการล้างหน้า
การทำความสะอาดผิวหน้าด้วยน้ำ
น้ำเป็นสารทำความสะอาดที่ง่ายที่สุด แต่น้ำไม่มีคุณสมบัติทำให้ผิวเปียกได้ดี เนื่องจากผิวหนังของคนเรามีสารเคอราตินอยู่ซึ่งช่วยป้องกันเปียกได้ ดังนั้นการทำความสะอาดผิวหน้าน้ำก็ต้องใช้เวลานาน กว่าจะชำระสิ่งสกปรกออกไปได้หมด ซึ่งในบางครั้งก็ต้องมีการใช้การขัดถูเข้ามาช่วย จึงมีการเติมสารบางอย่างที่ลงไปในน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพนการทำความสะอาดผิวให้ดีขึ้น เช่น แอลกอฮอล์ ซึ่งจะช่วยลดแรงตึงผิวระหว่างน้ำกับผิวหนังให้เปียกน้ำขึ้นและช่วยขจัดไขมันในบางส่วนได้
ซึ่งด้วยเหตุผลเหล่านี้จึงนิยมนำเอาแอลกอฮอร์ใส่ในเครื่องสำอางที่ใช้ในการทำความสะอาดผิว แต่ควรใช้ในปริมาณที่ต่ำเพื่อเลี่ยงการระคายเคืองต่อผิว โดยแอลกอฮอล์ที่นิยมใช้มีอยู่ 2 ชนิดคือ เอธิล แอลกอฮอร์ซึ่งจะช่วยให้ความสดชื่นได้มากกว่าและช่วยให้กลิ่นของน้ำมันหอมแทรกซึมเข้าสู่ผิวได้ดี ส่วนไอโซโพรพีล แอลกฮอล์จะช่วยลดแแรงตึงของน้ำได้ดีกว่า จึงสามารถใช้ในปริมาณที่น้อยกว่าได้
การทำความสะอาดผิวหน้าด้วยสบู่
สบู่เป็นสารที่ทำความสะอาดที่เก่าแก่ที่สุด และเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย ราคาถูกใช้สะดวก ส่วนใหญ่จะเป็นสารผสมของเกลือโซเดียมกับกรดไขมัน ถ้าเป็นสบู่เหลวก็จะใช้เกลือโปตัสเซียมกับกรดไขมัน
สบู่มีผลต่อกระทบต่อการชำระล้างผิว
- ทำให้เกิดความเป็นด่างที่ผิวหนัง 5 – 10 นาที ก็จะกลับสู่ปกติใน 30 นาที ซึ่งความเป็ด่างจะทำให้เกิดอันตราบต่อผิวได้ เมื่อสัมผัสนานๆ ก็จะเกิดความผิดปกติของโปรตีนในผิวหนังทำให้ความต้านทางของผิวลดลง ทำให้สูญเสียความชื้นของผิว ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดเชื้อแบคทีเรีย ดังนั้นคนที่ล้างหน้าบ่อยๆ อย่าเข้าใจผิดว่าผิวของคุณจะสะอาดขึ้น
- ช่วยขจัดไขมันเพื่อล้างเอาสิ่งสกปรกที่ละลายอยู่ไขมันที่ผิวหนังออก โดยผลที่ตามมาคือ การสูญเสียไขมันบริเวณผิวหนัง ซึ่งจะส่งผลให้ผิวเสียความชุ่มชื้น เกิดเป็นริ้วรอยที่ใบหน้าได้ง่าย
- ทำให้ผิวหนังพองตัว สภาพความเป็นด่างมีผลทำให้เคอราตินที่ผิวหนังพองตัวมากขึ้น ซึ่งการพองตัวนี้จะเพิ่มอำนาจการซึมผ่นของสารอื่นๆ จากภายนเข้าสู่ผิวได้ง่ายขึ้น
- การดูดซับสบู่ของเคอราติน ทำให้เกิดเป็นชั้นฟิล์มบางๆ ที่ผิวซึ่งจะป้องกันการดูดซึมของสารพวก emollient เป็นผลให้ผิวเปราะและแตกแห้งได้ง่าย
- เกิดความระคายเคืองซึ่งเป็นผลจากกรดไขมัน สบู่ที่ทำจากไขมันมะพร้าวจะระคายเคืองมากกว่าสบู่ที่เกิดจากไขมันวัว
- เกิดการตกตะกอนของสารแคลเซียม การใช้สบู่กับน้ำกระด้างทำให้เกิดคราบตะกอนของแคลเซียมที่ผิวหนัง ซึ่งเป็นผลทำให้รูขุมขนอุดตัน เกิดเป็นสิวเสี้ยน ตะกอนนี้จะส่งเสริมให้แบคทีเรียเข้าไปในไขมันและไม่ถูกทำลาบโดยสารฆ่าเชื้อ ทำให้เกิดการอับเสบของต่อมไขมันได้
จำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพและปรนนิบัติผิว ด้วยผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ คอลลาเจน | วิตามินซี | อาหารเสริม