17 อาหารที่มีคอลลาเจนจากธรรมชาติ

อาหารที่มีคอลลาเจน จากธรรมชาติ เพื่อผิวพรรณที่อ่อนวัย

อาหารที่มีคอลลาเจน จากธรรมชาติ เพื่อผิวพรรณที่อ่อนวัย คนเราเมื่ออายุมากขึ้น การผลิตคอลลาเจนในตัวก็จะเริ่มทำงานน้อยลงตามวันเวลา บวกกับอนุมูลอิสระที่บุกเข้ามาทำลายอย่างต่อเนื่องจึงทำให้สภาพผิวพรรณของคนเรามีความหย่อนคล้อย เกิดริ้วรอยแห่งวัยและแก่เร็ว ทำให้ผู้หญิงส่วนใหญ่เมื่ออายุมากขึ้นก็จะเริ่มมองหาตัวช่วยในการดูแลหรือทำให้ผิวพรรณดูสวย อ่อนไหว หรือดูเป็นสาวอีกครั้ง ซึ่งวิธีที่ฮิตมากในช่วงนี้สำหรับการดูแลผิวพรรณของสาว ๆ นั้นก็คือการทานคอลลาเจน ที่มีทั้งแบบเป็นผงและแบบเป็นเม็ด แต่สาว ๆ รู้กันหรือไม่ว่า มีอาหารบางประเภทที่มีคอลลาเจนอยู่ในอาหารนั้นแบบธรรมชาติอยู่แล้ว วันนี้เราจึงจะพามาดูกันว่ามีอาหารอะไรบ้างที่มีคอลลาเจนจากธรรมชาติอยู่     1.วิตามินซี วิตามินซีจะอยู่ในรูปแบบของผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว ประโยชน์ของวิตามินซี เราก็รู้กันเป็นอย่างดีแล้วว่าจะช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวหนังมีความแข็งแรงยืดหยุ่น กระชับ แถมผิวยังเปล่งปลั่งกระจ่างใสจากภายในสู่ภายนอกได้เป็นอย่างดี   2.ถั่วเหลือง ถั่วเหลืองหรือผลิตภัณฑ์ที่ได้จากถั่วเหลืองทุกชนิด และชีสทุกประเภทที่มีเจนิสติน (genistein) มักมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อว่า ไอโซฟลาโวน โดยสารดังกล่าวนี้จะมีส่วนช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนให้แก่ร่างกายจึงช่วยยกกระชับผิวให้เต่งตึงยิ่งขึ้น และยังช่วยบล็อกเอนไซม์ตัวร้าย ตัวการของการเกิดริ้วรอยหย่อนคล้อยได้เป็นอย่างดี   3.ผักใบเขียว การกินผักใบเขียวเข้มไม่ได้มีดีแค่บำรุงสุขภาพเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อการผลิตคอลลาเจนด้วยเช่นเดียวกัน แต่จะต้องเป็นผักสีเขียวเข้มๆ โดยเฉพาะเท่านั้นนะเพราะสียิ่งเข้มก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพในการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนได้อย่างมากขึ้น โดยสารอนุมูลอิสระที่พบจากผักใบเขียวก็คือ ลูติน (lutein)   4.ถั่วทุกชนิด เพียงแค่หมั่นกินถั่วเป็นประจำวันละ 2 ช้อนโต๊ะ ไม่ว่าจะเป็นถั่วเหลือง ถั่งลันเตา หรือถั่วลิสง…

คอลลาเจนผง ทานยังไงให้เห็นผล

คอลลาเจนผง ทานยังไงให้เห็นผล

คอลลาเจนผง ทานยังไงให้เห็นผล   1 .ในการทานคอลลาเจนครั้งแรก เราควรทานเพียงครึ่งซอง หรือครึ่งช้อน เพื่อเป็นการทดสอบว่าจะเกิดอาการแพ้ไหม ซึ่งคอลลาเจนส่วนมากทำมาจากปลาทะเล ดังนั้นใครที่ไม่ได้แพ้ปลาทะเล ก็สามารถทานได้แน่นอน แต่ถ้าหากว่าใครที่แพ้อาหารทะเล เช่นกุ้ง ควรทดลองทานคอลลาเจนเพียงครึ่งนึงก่อน เพื่อให้เราปลอดภัยจากอาการแพ้ 2 . ทานคอลลาเจนทันทีที่ตื่นนอนนั้นจะดีที่สุด เพราะว่าเป็นระยะเวลาที่ท้องเราว่างมากที่สุดมากถึง 6 – 8 ชั่วโมง นั่นเอง ทำให้การดูดซึมคอลลาเจนในตอนเช้ามีประสิทธิภาพเต็มดีสุดๆ เพราะว่าในท้องของเราไม่มีอะไรอยู่ยาวนานที่สุด   3 .ให้ทานคอลลาเจนห่างกับอาหารเสริมลดน้ำหนัก 30 นาที ซึ่งอาหารเสริมลดน้ำหนักบางยี่ห้อ จะแนะนำให้รับประทานตอนเช้า ดังนั้นเราควรแยกการทานคอลลาเจนไว้ตอนตื่นนอนทันที แล้วรอ 30 นาทีค่อยทานอาหารเสริมอื่นๆ 4 .ทานคอลลาเจนเวลาเช้า + เย็น นั้นเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์อย่างรวดแล้ว ยังเหมาะกับผู้ที่มีอาการปวดหัวเข่า ไข ข้อ กระดูก เพราะคอลลาเจน จะเข้าไปเติมเต็มให้อาการต่าง ๆ ดีขึ้นนั่นเอง 5 .คอลลาเจนผงดีที่สุด ซึ่งระหว่างคอลลาเจนเม็ด กับ คอลลาเจนผง…

ดูแลผิวพรรณด้วย acerola cherry

ตัวช่วยเรื่องสุขภาพ Acerola Cherry

ตัวช่วยเรื่องสุขภาพ Acerola Cherry  อะเซโลราเชอร์รี่ (Acerola Cherry)  เป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น วิตามินซี โปรตีนและแร่ธาตุซึ่งจะมีสูงโดยเฉพาะ เหล็ก ฟอสฟอรัส แคลเซียม และมีสารตัวหนึ่งชื่อ trans-beta-carotene ซึ่งว่ากันว่าเป็นสารที่สามารถเสริมภูมิต้านทานของร่างกายได้ มีปริมาณของไขมันอิ่มตัว และโซเดียมต่ำ ไม่มีคลอเลสเตอรอล และจากผลการวิจัยพบว่าอะเซโรลาเชอร์รี่มีปริมาณวิตามินซีสูงกว่าที่พบในส้มถึง 65 เท่า ตัวช่วยเรื่องสุขภาพ     อะเซโรลาเชอร์รี่จะช่วยในการเร่งการเสริมสร้างและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของคอลลาเจน เนื่องจากอะเซโรลาเชอร์รี่อุดมไปด้วยวิตามินซีสูง ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยให้ผิวพรรณเต่งตึง ส่งผลให้ผิวพรรณดูอ่อนกว่าวัยและมีความกระชับยืดหยุ่นอยู่เสมอ และยังมีหน้าที่ในการสมานผิว ลดเลือนริ้วรอย ประโยชน์อีกอย่างหนึ่งคือเพิ่มความยืดหยุ่นและช่วยลดริ้วรอยต่าง ๆ บนผิวหนัง สารอาหารต่าง ๆ มากมายที่อยู่ในอะเซโรลาเชอร์รี่จะสามารถช่วยทำให้ผิวหนังของเราอิ่มน้ำและคงความชุ่มชื้นไว้ได้ ไม่ว่าผิวของเราจะเป็นแบบใดก็ตาม อีกทั้งยังช่วยในเรื่องระบบทางเดินอาหารได้ น้ำที่ได้จากอะเซโรลาเชอร์รี่สามารถนำมาใช้เป็นน้ำยาบ้วนปากได้อีกด้วย   การรับประทานอะเซโรลาเชอร์รี่เป็นประจำ จะสังเกตเห็นว่าผิวของคุณจะมีการเปลี่ยนแปลงเช่นขาวขึ้น กระจ่างใสขึ้น และมีโทนสีผิวดีขึ้นโดยที่โทนสีผิวไม่ผิดเพี้ยนไปจากเดิมและรอยตำหนิขึ้นมาเป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้จะทำให้ผิวพรรณของเรามีสุขภาพผิวที่ดีขึ้นตามธรรมชาติและช่วยทำให้ผิวพรรณของเราได้รับการปกป้องจากตัวทำให้เกิดความตึงเครียด หรือจากสารเคมีอย่างควันบุหรี่ มลพิษ และสารที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้   อะเซโรลาเชอร์รี่จะช่วยเร่งการฟื้นฟูซ่อมแซมบาดแผล แผลไฟไหม้ แผลเป็น หรือแม้กระทั่งรอยแตกลายได้ดี…

วิตามินซีกับเรื่องที่ควรต้องรู้

การทานวิตามินซีมากเกินไป

การทานวิตามินซีมากเกินไป วิตามินซีนั้นมีคุณสมบัติละลายน้ำ ทำให้ซึมซับเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็ว แล้วยังมีประสิทธิภาพสูงในการต่อต้านอนุมูลอิสระ อีกทั้งยังช่วยขับไล่สิ่งแปลกปลอมออกจากร่างกายได้อย่างดีเยี่ยม รวมไปถึงช่วยบำรุงผิวพรรณให้ขาวกระจ่างใส ลดปัญหาบนใบหน้าได้ไม่ว่าจะเป็นสิว ฝ้า กระ เป็นต้น สาระน่ารู้ของวิตามินซี ปริมาณวิตามินซีที่ควรได้รับต่อวันของคนปกติ คือ 60 ต่อวัน ส่วนในหญิงตั้งครรภ์หรือผู้สูงอายุ ควรได้รับวิตามินซีมากขึ้นประมาณ 70-96 mg. ต่อวัน การทานวิตามินซีให้ได้ประโยชน์อย่างสูงสุด ควรทานหลังมื้ออาหารหรือทานพร้อมอาหาร เพราะวิตามินซีจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารและวิตามินซีไปใช้งานได้ง่ายขึ้น และไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนและซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสื่อมสภาพให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น รู้สึกเหมือนได้ผิวในวัยเด็กกลับมาอีกครั้ง แถมฟื้นบำรุงผิวที่แห้งกร้านจากการโดนแดดเผาให้กลับมาเรียบเนียนดูมีสุขภาพผิวที่ดี   ประสิทธิภาพในการดูดซึม ประสิทธิภาพในการดูดซึมธาตุเหล็กดีขึ้น เหมาะกับคนที่ขาดธาตุเหล็กหรือร่างกายสามารถดูดซึมธาตุเหล็กได้ในปริมาณที่น้อย โดยวิตามินซีจะทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น และได้รับปริมาณของธาตุเหล็กและวิตามินซีเพียงพอในแต่ละวัน อย่าเครียด!! เพราะความเครียดจะทำให้วิตามินซีในร่างกายเราสลายไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากวิตามินซีจะถูกดึงไปใช้เพื่อปรับสภาพอารมณ์ในปริมาณมาก จึงควรหลีกเลี่ยงความเครียดและทำกิจกรรมที่บันเทิงใจเพื่อการผ่อนคลายบ่อย ๆ แสง ออกซิเจน บุหรี่ ความร้อนและน้ำ ควรหลีกเลี่ยงจากวิตามินซีเพราะถ้าหากสัมผัสกับสิ่งเหล่านั้นนาน ๆ จะทำให้วิตามินซีสลายไปอย่างรวดเร็วและทำให้ร่างกายขาดวิตามินซีในที่สุด   การทานวิตามินซีมากเกินไป การทานวิตามินซีในปริมาณที่มากเกินไปอาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ อาจทำให้เกิดอาการท้องร่วง ปัสสาวะบ่อย เป็นนิ่วหรือมีผื่นผิวหนัง ดังนั้นควรทานวิตามินซีในปริมาณที่พอเหมาะในแต่ละวัน การทานวิตามินซีมากเกินอาจทำให้การตรวจวินิจฉัยโรคบางโรคเกิดความผิดพลาดได้ เช่น โรคเบาหวาน…