ทานวิตามินซีเป็นเวลานานอันตรายหรือไม่

ทานวิตามินซีเป็นเวลานานอันตรายหรือไม่ วิตามินซี นั้นเป็นวิตามินชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ถ้าให้ถามว่ารู้จักวิตามินตัวไหนบ้าง ชื่อแรก ๆ ที่เอ่ยถึงก็คือ วิตามินซี โดยวิตามินซีนั้นได้รับชื่อเสียงในเรื่องที่ช่วยบำรุงผิวพรรณให้ผิวกระจ่างใสขึ้น ต่อต้านอนุมูลอิสระ และสามารถช่วยป้องกันหวัดได้ ซึ่งวิตามินซีนั้นสามารถทานได้รูปแบบผลไม้ทั่วไป หรือรูปแบบอาหารเสริม แต่ก็จะมีผู้บริโภคหลายคนนั้นเกิดความสงสัยว่า ถ้าทานวิตามินรูปแบบอาหารเสริมเป็นเวลานาน ๆ นั้นจะเป็นอันตรายกับร่างกายของเราหรือไม่ ดังนั้นวันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจนี้กัน ทานวิตามินซีติดต่อกันอันตรายหรือไม่ สำหรับผู้ที่รับประทานวิตามินซีในรูปแบบอาหารเสริม ที่ต้องการจะรับประทานติดต่อกันเป็นเวลานานแล้วเกิดข้อสงสัยว่าเมื่อรับประทานแบบนั้นแล้วจะเกิดผลเสียหรือเกิดอันตรายต่อร่างกายหรือไม่ ถึงแม้ว่าในการรับประทานวิตามินแต่ละวันจะไม่เกินความต้องการของร่างกาย แต่เพื่อไขข้อข้องใจ เราจะพาไปดูการทำงานของวิตามินซี และผลจากการทานวิตามินซีซึ่งมีดังต่อไปนี้ วิตามินซีเป็นวิตามินที่สามารถละลายในน้ำได้ ดังนั้นหากเป็นเด็กควรได้รับเพียงแค่ 35 – 45 กรัม/วัน ส่วนผู้ใหญ่ควรอยู่ที่ 50 – 60 กรัม/วัน ผู้ที่สูบบุหรี่ เป็นหวัดง่าย หรือผู้หญิงตั้งครรภ์ สามารถได้รับมากกว่าปกติได้ การดูดซึมของวิตามินซี จะดูดซึมที่ลำไส้เล็ก โดยการดูดซึมแต่ละครั้งนั้นจะขึ้นอยู่กับสัดส่วนที่ร่างกายรับประทานเข้าไป ยิ่งรับประทานกันมาก ร่างกายก็จะดูดซึมมากตามไปด้วย ผลข้างเคียงจากการรับประทานวิตามินมากเกินไป หรือรับประทานติดต่อกันเป็นเวลานานนั้น ยังไม่มีผลรายงานอันตรายต่อร่างกาย แต่ผลที่พบบ่อยคือผลข้างเคียงต่อระบบการย่อยอาหารและระบบทางเดินอาหาร เนื่องจากการรับประทานในสัดส่วนที่มากเกินไป อาจจะทำให้เกิดอาการท้องเสีย แสบท้องหรือไม่สบายท้องได้ การรับประทานวิตามินซีในปริมาณที่มากไปเพียงวันละ 1 กรัม…

วิตามินซีป้องกันหวัดได้จริงหรือ

วิตามินซีป้องกันหวัดได้จริงหรือ วิตามินซี หรือ Ascorbic Acid นั้นเป็นวิตามินชนิดละลายน้ำ ซึ่งมีประโยชน์มากมายไม่ว่าจะเป็นรักษาและป้องกันโรคลักปิดลักเปิด เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์ในการต่อต้านอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย นอกจากนี้ยังส่วนช่วยในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อในร่างกาย ช่วยทำให้แผลหายเร็วขึ้น และส่วนช่วยในการสร้างคอลลาเจน แต่ก็มีหลายคนนั้นบอกอีกว่าวิตามินซีสามารถช่วยป้องกันหวัดได้ แต่ก็จะเสียงอีกด้านสงสัยว่าวิตามินซีนั้นสามารถป้องกันหวัดได้จริงหรือ วันนี้เรามาหาคำตอบกัน วิตามินซีสามารถป้องกันหวัดได้จริงหรือ การทานวิตามินซีเป็นประจำทุกวันนั้นไม่สามารถป้องกันหวัดได้ และไม่มีผลลดความเสี่ยงในการเป็นหวัด ยกเว้นคนที่ออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาเป็นประจำ แต่อย่างไรก็ตามพบว่าการรับประทานวิตามินซีเป็นประจำทุกวันนั้นจะสามารถช่วยลดความรุนแรงและระยะเวลาการเป็นหวัดได้ การดูดซึมวิตามินซี การดูดซึมวิตามินซีนั้นจะขึ้นอยู่กับการรับประทานเข้าไปในแต่ละครั้ง แต่ก็จะจุดอิ่มตัวของวิตามินซีเช่นกัน หรือพูดง่าย ๆ ก็คือถ้ารับประทานวิตามินซีปริมาณมากเกินจุดอิ่มตัวของการดูดซึม ร่างกายจะไม่สามารถดูดซึมวิตามินซีไปใช้ได้เพิ่มขึ้น ดังนั้นการทานวิตามินซีแต่ละครั้ง  จึงจะต้องรับประทานให้พอเพียงกับปริมาณที่ร่างกายต้องการ เพราะร่างกายจะได้ดูดซึมไปใช้งานไปหมดแบบไม่เหลือส่วนเกิน เพราะส่วนเกินนั้นจะถูกขับออกมาทางปัสสาวะนั่นเอง วิตามินซีในท้องตลาดมีแบบไหนบ้าง รูปแบบเม็ดสำหรับรับประทาน เป็นรูปแบบที่มีการเลือกซื้อมารับประทานมากที่สุด เพราะเป็นรูปแบบที่สามารถรับประทานได้ง่าย พกพาสะดวก สามารถทานได้ทุกที่ทุกเวลา มีระยะเวลาที่ปล่อยสารเข้าสู่ร่างกายที่แน่นอน รูปแบบเม็ดอม เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาในการกลืนเม็ดยา แต่เนื่องจากวิตามินซีเป็นกรดเมื่ออมบ่อย ๆ อาจทำให้ฟันกร่อนได้ รูปแบบเม็ดฟู่ แบบนี้จากจากแบบเม็ดอื่น ๆ เพราะจะต้องนำไปละลายน้ำก่อน เมื่อเม็ดยาสัมผัสกับน้ำ จะเกิดเป็นฟองฟู่ ก่อนรับประทานควรรอให้ฟองหมดก่อน แล้วค่อยรับประทาน รูปแบบแคปซูล ซึ่งมีทั้งชนิดที่เป็นแคปซูลแข็งและแคปซูลนิ่ม โดยส่วนใหญ่การกลืนเม็ดแคปซูลนั้นจะง่ายกว่ารูปแบบเม็ด รูปแบบสารละลายสำหรับฉีด เป็นรูปแบบที่ไม่เหมาะสำหรับการใช้เป็นประจำทุกวันหรือเพื่อป้องกันหวัด…

วิตามินซี เคล็ดลับของผิวสวย

วิตามินซี เคล็ดลับของผิวสวย สาว ๆ น่าจะรู้กันดีว่า วิตามินซี นั้นมีช่วยเรื่องของภูมิคุ้มกันของร่างกาย ถ้ารับประทานแบบเป็นเม็ดนั้นก็จะสามารถช่วยเรื่องของหวัดได้ ซึ่งก็คงได้ยินกันบ่อย ๆ เมื่อเวลาเราเป็นหวัดว่า ไปหาวิตามินซีมากินสิจะได้หายเป็นหวัด แต่สาว ๆ รู้หรือไม่ว่าวิตามินซีนั้นสามารถช่วยในเรื่องของผิวพรรณอีกด้วย ซึ่งวิตามินซีนั้นมีประโยชน์ต่อผิวพรรณอย่างมากมายดังต่อไปนี้ ผิวขาวฉ่ำน้ำ สวยใสแม้โดนแดด วิตามินซีนั้น จะไปช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่เป็นตัวแปรสำคัญที่ช่วยให้ผิวของสาว ๆ นั้นขาว กระจ่างใส ดูมีน้ำมีนวลและมีสุขภาพดีจากภายใน ไร้จุดด่างดำ เรียบเนียนน่าสัมผัส ซึ่งวิตามินนั้นสามารถเลือกทานจากวิตามินซีธรรมชาติจากผลไม้ต่าง ๆ หรือวิตามินซีเสริมแบบเม็ดก็สามารถช่วยให้ผิวเราขาว กระจ่างใสได้เช่นกัน บอกลาแผลเป็นด้วยวิตามินซี สาว ๆ เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้หรือไม่ ออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมอะไรต่าง ๆ แล้วเกิดพลาดล้มหรือเหตุไม่คาดคิด จนเกิดเป็นแผลขึ้น ใคร ๆ ก็แต่หากันเครียดทั้งนั้น ยิ่งเป็นรอยแผลใหญ่ ๆ ที่นูนและมีสีคล้ำ ยิ่งยากต่อการดูแลรักษา แต่รู้หรือไม่ว่า วิตามินซีนั้นสามารถช่วยได้ เพราะวิตามินซีมีคุณสมบัติช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมและรักษาตัวเอง เสริมสร้างผนังเซลล์ และทำให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรงนั่นเอง ลบเลือนรอยสิวให้หายวับ นอกจากรอยแผลเป็น ก็รอยสิวบนใบหน้านี่แหละที่น่ารำคาญและทำให้ความมั่นใจของสาว ๆ ลดลง…

คอลลาเจน ตัวช่วยเรื่องผิวกระจ่างใส

คอลลาเจน ตัวช่วยเรื่องผิวกระจ่างใส คอลลาเจน หรืออาหารผิวชนิดหนึ่งที่ยังคงความโด่งดังอย่างตลอดมา เพราะทุกคนที่ได้ทานนั้นพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า คอลลาเจนนี่แหละที่สามารถช่วยให้ผิวพรรณของเราแลดูชุ่มชื้น มีน้ำมีนวล ขาวกระจ่างใส พร้อมทั้งให้ผิวเต่งตึง กระชับ น่าสัมผัสในเวลาเดียวกัน ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่หันมาประทานคอลลาเจนกันมากขึ้น แต่ความจริงแล้วคอลลาเจนจะช่วยเรื่องผิวพรรณของเราจริงหรือไม่ วันนี้เรามาดูกัน คอลลาเจนคืออะไร คอลลาเจนที่เรารับประทานอยู่นั้น จริง ๆ แล้วมันเป็นเพียงโปรตีนประเภทหนึ่งเท่านั้น ซึ่งโปรตีนชนิดนี้จะมีลักษณะเป็นเส้นใยที่เป็นโครงสร้างหลักของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันหลายชนิดของสัตว์ โดยเฉพาะในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจะมีอยู่ราว ๆ 25 – 35 % ของปริมาณโปรตีนทั้งหมดในร่างกาย โดยเรานั้นจะพบตามข้อต่อกระดูก ชั้นโครงสร้างผิว ภายในดวงตา ผมและเล็บ ซึ่งร่างกายของเรานั้นสามารถสร้างคอลลาเจนได้เองตามธรรมชาติ แต่เมื่อเราอายุเริ่มมากขึ้น การสร้างคอลลาเจนจะลดลงปีละ 1.5 % และเมื่อถึงอายุหนึ่งก็จะมีการลดลงไปครึ่งหนึ่งของปริมาณการสร้างคอลลาเจนทั้งหมด ส่งผลในผิวพรรณนั้นเริ่มเหี่ยวย่น มีริ้วรอยแห่งวัยต่าง ๆ ผิวแห้งกร้าน ขาดน้ำ มีปัญหาต้องบริเวณข้อต่อกระดูกต่าง ๆ คอลลาเจนจากไหนดีที่สุด คอลลาเจนที่นำมาสกัดเพื่อบริโภคนั้นมาจากสัตว์ ซึ่งสัตว์ที่นิยมนำมาสกัดคอลลาเจนมากที่สุดก็คือ ปลาทะเลน้ำลึก โดยคอลลาเจนจากปลานั้นเป็นคอลลาเจนที่มีการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีมาก เมื่อเทียบกับคอลลาเจนจากสัตว์ชนิดอื่น ๆ ซึ่งคอลลาเจนจากปลานั้นสามารถดูดซึมได้ถึง 1.5 เท่าในร่างกายเพราะว่า น้ำหนักและโมเลกุลมีขนาดเล็กทำให้มีความสามารถในการดูดซึมได้ดีกว่าคอลลาเจนจากวัวหรือหมู…