ส่องวิธีการทานคอลลาเจนให้เห็นผล

ส่องวิธีการทานคอลลาเจนให้เห็นผล ถ้าพูดถึงคอลลาเจน ในปัจจุบันก็คงไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะในยุคนี้เทรนด์การดูแลตัวเองนั้นมาแรงอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย ทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ รวมไปถึงการทานอาหารเสริมต่าง ๆ ซึ่งรวมไปถึงคอลลาเจนด้วย เรื่องจากคอลลาเจนจะมีช่วยให้ผิวพรรณกับมาเต่งตึง กระชับ เนียนสวย กระจ่างใส ลดเลือดริ้วรอย แต่ก็มีผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยที่มีความสงสัยว่าแล้วจะทานอย่างไรล่ะ ถึงจะเห็นผลมากที่สุด วันนี้เรามีคำตอบมาฝากกัน ทานครั้งแรกควรทานอย่างไร ในครั้งแรกนั้นผู้บริโภคมักจะมีความสงสัยในเรื่องต่าง ๆ อยู่มาก และก็มีผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยเลยที่ไม่รู้ว่าคอลลาเจนสกัดมาจากปลาทะเลน้ำลึกซะส่วนใหญ่ ดังนั้นคนที่แพ้อาหารทะเลนั้นจะต้องพิจารณาตัวคอลลาเจนให้ดีเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อตัวเอง หรือผู้ที่ไม่ทราบว่าตัวเองนั้นแพ้อาหารหรือไม่ ในการทานครั้งแรกควรทานแค่เพียงครึ่งช้อนก่อน แล้วสังเกตอาการแพ้ ถ้าหากไม่มีอาการแพ้สามารถทานในปริมาณปกติได้ ทานตอนตื่นนอนเป็นเวลาที่ดีที่สุด ทำไมถึงต้องทานคอลลาเจนตอนตื่นนอน เนื่องจากเวลาตื่นนอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่ท้องของเราว่างมากที่สุด ซึ่งเหมาะกับการทานคอลลาเจนอย่างมาก เพราะจะทำให้ร่างกายของเราดูดซึมคอลลาเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ทานห่างจะยาลดความอ้วนประมาณ 30 นาที ถ้าคุณเป็นคนที่จะต้องทานยาลดน้ำหนัก แต่ก็ต้องการทานคอลลาเจนควบคุมไปด้วย ซึ่งการทานคู่กันนั้นอาจไม่เป็นผลกับร่างกายเท่าไหร่ เพราะร่างกายไม่สามารถที่จะดูดซึมทั้ง 2 อย่างได้เต็มที่ ดังนั้นควรทานคอลลาเจนก่อนและเว้นระยะห่างสัก 30 นาที แล้วจึงทานยาลดน้ำหนักต่อ ทานทั้งเช้าและเย็น การทานคอลลาเจน 2 เวลานั้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการที่อยากเห็นผลจากการทานโดยเร็วที่สุด ดังนั้นการทานวิธีนี้นอกจากจะช่วยให้เห็นผลเร็วขึ้นยังสามารถช่วยในเรื่องของการรักษาอาการปวดตามข้อต่อกระดูก อย่างเช่นข้อเข่าเป็นต้น แบบผงนั้นดีกว่าแบบเม็ด คอลลาเจนแบบผงนั้นจะเห็นผลได้ดีกว่าแบบเม็ดอย่างชัดเจน เพราะคอลลาเจนผงนั้นมีโมเลกุลขนาดเล็ก…

อันตรายจากการทานวิตามินซีมากเกินไป

  อันตรายจากการทานวิตามินซีมากเกินไป วิตามินนั้นมีประโยชน์ต่อร่างกายแตกต่างกันออกไปตามประโยชน์ของวิตามินต่าง ๆ ซึ่งวิตามินต่าง ๆ ถ้าหากได้รับในปริมาณที่มากจนเกินไปก็อาจจะส่งผลอันตรายต่อร่างกายได้ โดยวิตามินซีถึงแม้ว่าจะเป็นวิตามินที่สามารถละลายในน้ำ เมื่อรับเข้าไปเกินความจำเป็นการจะถูกขับออกมาทางปัสสาวะได้ แต่ถ้าหากได้รับในปริมาณที่มากเกินไปก็สามารถส่งผลถึงอันตรายได้ อันตรายจากการทานวิตามินซีมากเกินไป เกาต์ เนื่องจากวิตามินซีมีหน้าที่ในการช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กในร่างกาย การรับวิตามินซีในปริมาณมาก จะทำให้เกิดปัญหาการสะสมธาตุเหล็กตามกระดูกข้อต่อต่าง ๆ มากขึ้นและอาจทำให้เกิดโรคเกาต์ได้ในที่สุด นิ่วในไต นอกจากนั้นการทานวิตามินซีมากเกินไป อาจจะไปกวนการดูดซึมของทองแดงและซิลิเนียม ซึ่งส่งผลให้มีอัตราเสี่ยงการเกิดนิ่วในไตได้ อีกทั้งในคนปกติหากได้รับเกินวันละ 10,000 มิลลิกรัมอาจจะทำให้ท้องเสีย ท้องอืด ท้องเฟ้อได้ อันตรายจากการขาดวิตามินซี มีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปวดตามข้อต่อของร่างกาย เลือดออกตามไรฟัน เจ็บกระดูก แผลหายช้า เนื่องจากวิตามินซีทำหน้าที่ต่อต้านการอักเสบและช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย การได้รับวิตามินซีไม่เพียงพอจะทำให้เส้นเลือดในร่างกายอ่อนแอ และทำให้บาดแผลที่เกิดขึ้นตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายหายช้ากว่าปกติ เป็นโรคติดเชื้อได้ง่าย คุณสมบัติพิเศษอีกอย่างของวิตามินซีก็คือ เป็นตัวต่อต้านสารก่อมะเร็งและช่วยควบคุมระบบภูมิคุ้มกัน ถ้าร่างกายขาดวิตามินซีจะส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายลดต่ำลง และทำให้ติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียได้ง่าย โรคลักปิดลักเปิด กรณีของเด็กหรือผู้สูงอายุที่ได้รับวิตามินซีน้อยกว่าวันละ 10 มิลลิกรัม อาจทำให้เป็นโรคลักปิดลักเปิดได้ ทั้งนี้หากร่างกายขาดวิตามินซีมากเกินปกติอาจทำให้มีลูกยาก เป็นโรคโลหิตจางและมีภาวะความผิดปกติทางจิตได้ ประโยชน์ของวิตามินซี กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในร่างกาย ทำให้ผิวหนังเต่งตึง มีความยืดหยุ่นที่ดี ช่วยลดริ้วรอยก่อนวัย…

ทานอาหารเสริมแบบผิด ๆ ร่างกายอาจจะพังได้

ทานอาหารเสริมแบบผิด ๆ ร่างกายอาจจะพังได้ ชีวิตที่รีบเร่งของคนส่วนใหญ่ในเมืองนั้น เป็นสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ละเลยในการทานอาหาร ทำให้ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ จนจะต้องหามาพึ่งพาอาหารเสริม หรืออีกสาเหตุที่คนนิยมบริโภคอาหารเสริมก็คือ อยากมีผิวพรรณที่สวย กระจ่างใจ เรียบเนียน แต่ทว่าการรับประทานอาหารเสริมต่าง ๆ นั้นอาจจะไม่ใช่วิธีลัดที่หลายคนนั้นเข้าใจก็ได้ เพราะถ้าหากรับประทานอาหารเสริมแบบผิด ๆ นั้น ร่างกายของคนเราอาจจะพังหรือเกิดอันตรายอย่างที่เราคาดไม่ถึงได้ ความเสี่ยงที่เกิดจากการทานอาหารเสริมแบบผิด ๆ การทานอาหารเสริมเป็นเวลานาน ๆ โดยการขาดความรู้อาจจะก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพได้ 2 ประการดังนี้ โรคกำเริบ การทานอาหารเสริมโดยขาดความรู้ ก่อให้เกิดอันตรายได้ โดยเฉพาะคนที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว เนื่องจากอาหารเสริมบางชนิดไม่ถูกกับโรคบางโรคเช่น โสมไม่เหมาะกับคนที่เป็นความดันสูง เพราะให้เส้นเลือดบีบตัวแรงขึ้น น้ำมันปลาไม่เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวาน เนื่องจากทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น และอาหารเสริมแบบชงละลายน้ำในปริมาณมากไม่เหมาะกับผู้ป่วยโรคหัวใจ เพราะทำให้ประสิทธิภาพของหัวใจด้านขวาทำงานด้อยลง จนเกิดอาการขาบวมได้ สะสมในร่างกาย การทานอาหารเสริมเพื่อบำรุงร่างกายเป็นเวลานานนั้น อาจจะมีความเสี่ยงที่อาหารเสริมเหล่านั้นจะเข้าไปสะสมในร่างกาย จนเกิดเป็นอันตรายได้เช่นอาหารเสริมช่วยผิวขาว ในระยะยาวอาจส่งผลต่อตับ ซ้ำร้ายทำให้เส้นเลือดไม่แข็งตัวและเลือดออกตามผิวหนังได้ หรือแม้แต่วิตามินซีที่ดูเหมือนไม่มีพิษภัยอะไร แต่มีการศึกษาพบว่า การได้รับวิตามินซีในปริมาณที่มากกว่า 1 กรัมต่อวัน อาจทำให้เกิดนิ่วในไตได้ เนื่องจากการขับวิตามินซีออกทางปัสสาวะในรูปออกซาเลตและกรดยูริกมากกว่าปกติ ทานอาหารเสริมอย่างไรให้ปลอดภัย คำนึงถึงความจำเป็นต่อร่างกาย ร่างกายของแต่ละคนนั้นต้องการสารอาหารที่แตกต่างกันออกไป…

อะเซโรล่าเชอร์รี่คืออะไร

อะเซโรล่าเชอร์รี่คืออะไร สาว ๆ หลายคนนั้นต้องการมีผิวพรรณที่ขาวกระจ่างใส โดยสาว ๆ เหล่านั้นอาจจะหาตัวช่วยก็คือคอลลาเจน อาหารเสริมผิวขาว ๆ รวมถึงวิตามินซีเสริม ซึ่งวิตามินซีเสริมนั้นก็คือสารสกัดที่แตกต่างกันวางขาย แต่ที่กำลังฮิตในปัจจุบันนั้นก็คือ อะเซโรล่าเชอร์รี่ แต่ก็มีหลายคนนั้นสงสัยว่าอะเซโรล่าเชอร์รี่คืออะไร เพราะว่าไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน วันนี้เรามารู้จักกับผลไม้ชนิดนี้กัน อะเซโรล่าเชอร์รี่คืออะไร อะเซโรล่า เชอร์รี่ เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่มีหน้าตาคล้าย ๆ กันกับลูกเชอร์รี่แต่ลูกจะแป้นและกลมกว่า เมื่อสุกจะส่งกลิ่นหอมหวานคล้าย ๆ กับแอปเปิ้ล รสชาติเปรี้ยวอมหวาน มีสีแดง ผลของอะเซโรล่าเชอ์รี่นั้นจะบอบบางมาก เวลาที่เก็บมาผลจะช้ำได้ง่ายมาก เมื่อต้องเก็บแล้วต้องเก็บไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 7 องศาเซลเซียส จึงจะไม่เกิดเป็นเชื้อรา นอกจากนี้ อะเซโรล่า เชอร์รี่ยังเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น วิตามินซี โปรตีนและแร่ธาตุซึ่งจะมีสูงโดยเฉพาะ เหล็ก ฟอสฟอรัส แคลเซียม และมีสารตัวหนึ่งชื่อ trans-beta-carotene ซึ่งว่ากันว่าเป็นสารที่สามารถเสริมภูมิต้านทานของร่างกายได้ มีปริมาณของไขมันอิ่มตัว และโซเดียมต่ำ ไม่มีคอเลสเตอรอล อะเซโรล่าเชอร์รี่มีวิตามินซีสูงกว่าส้ม อะเซโรล่า เชอร์รี่นั้นมีสารอาหารเด่น ๆ ก็คือปริมาณวิตามินซีสูงมาก เมื่อเปรียบเทียบกับวิตามินซีที่ขึ้นว่ามีปริมาณวิตามินซีสูงแล้ว…

วิตามินซีเสริมดีจริงหรือไม่

วิตามินซีเสริมดีจริงหรือไม่ ใครบ้างที่ซื้อวิตามินซีเสริมมาติดไว้ที่บ้าน ซึ่งหลายคนนั้นอาจจะเคยได้ยินประโยชน์ของวิตามินซีเสริมกันมาอย่างหนาหูว่าช่วยเสริมภูมิต้านทานให้แข็งแรง ทานแล้วไม่เป็นหวัด ไม่ป่วยง่ายและบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส แต่ในความเป็นจริงนั้นมีใครเคยสงสัยกันหรือไม่ว่า วิตามินซีเสริมนั้นมีประโยชน์จริงหรือไม่ วันนี้เรามาหาคำตอบกัน วิตามินซีคืออะไร วิตามินซี (Vitamin C) หรือกรดแอสคอร์บิค (Ascorbic Acid) เป็นวิตามินที่สามารถละลายในน้ำ ร่างกายของคนเราไม่สามารถสังเคราะห์ใช้เองได้ จึงทำให้เราจะต้องได้รับวิตามินซีผักและผลไม้ เช่น ผลไม้ตระกูลส้ม สตรอว์เบอร์รี่ และอะเซโรล่าเชอร์รี่เป็นต้น วิตามินซีเสริม ป้องกันหวัดได้จริงหรือ แม้หลายคนจะมีความเชื่อหรือได้ยินมาว่าวิตามินซีช่วยป้องกันโรคหวัดได้ หรือเมื่อเป็นหวัดให้รีบทานวิตามินซีเสริมเพื่อให้หายจากอาการหวัด แต่ผลการศึกษาที่ปรากฏกลับพบว่าการทานวิตามินซีเป็นประจำอย่างเพียงพอนั้นมีส่วนช่วยลดความรุนแรงและระยะเวลาในการเป็นหวัดได้เท่านั้น แต่ไม่ได้มีข้อบ่งชี้ที่บอกว่าวิตามินจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคหวัดขึ้นได้แต่อย่างใด เว้นแต่เป็นคนที่ออกกำลังกายอยู่เป็นประจำเช่นวิ่งมาราธอน จ๊อกกิ้งยามเช้า หรือผู้ที่ร่างกายมีภูมิต้านทานแข็งแรงอยู่แล้วมักมีแนวโน้มของการฟื้นตัวได้เร็วกว่า ทานวิตามินซีเสริมดีต่อผิวจริงหรือไม่ วิตามินซีนั้นเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอผิวจากการถูกทำลายด้วยรังสี ความร้อน แสงแดดและสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ที่หลายคนนั้นมักจะต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน ซึ่งล้วนแต่ส่งผลให้คอลลาเจนในชั้นผิวถูกทำลายลง เป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวแห้งกร้าน มีริ้วรอยและจุดด่างดำ แต่การบริโภควิตามินซีเป็นประจำถือว่าเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยในการผลิตคอลลาเจนที่มีส่วนช่วยชะลอการเสื่อมโทรมของเซลล์ที่แข็งแรงภายในร่างกาย และป้องกันไม่ให้อนุมูลอิสระเข้าไปทำร้ายเซลล์ที่แข็งแรงภายในร่างกาย วิตามินซีเสริมจากอะเซโรล่าเชอร์รี่ดียังไง อะเซโรล่าเชอร์รี่นั้นหลายคนอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน แต่อะเซโรล่าเชอร์รี่นั้นได้รับขนานนามเป็น ผลไม้ที่ให้วิตามินซีสูงสุด ซึ่งในปริมาณ 100 กรัมนั้น อะเซโรล่าเชอร์รี่นั้นสามารถให้ปริมาณวิตามินซีสูงถึง 1,677 มิลลิกรัม ซึ่งมากกว่าส้ม 30 –…

เติมคอลลาเจนเข้าสู่ร่างกายตอนอายุเท่าไหร่

เติมคอลลาเจนเข้าสู่ร่างกายตอนอายุเท่าไหร่ คอลลาเจน เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่มีปริมาณมากที่สุดในร่างกาย ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในโครงสร้างของมนุษย์และสัตว์ เช่น ผิวหนัง กระดูก กระดูกอ่อน ข้อต่อ เส้นเอ็นเป็นต้น ซึ่งในตอนเด็ก ๆ นั้นร่างกายของคนเราสามารถสร้างคอลลาเจนได้เองจากภายในร่างกาย แต่เมื่อายุผ่านไปแล้วนั้นร่างกายจะเริ่มมีการผลิตคอลลาเจนลดลงไปเรื่อย ๆ โดยลดประมาณปีละ 1.5 % และเมื่ออายุ 40 ปี ระดับคอลลาเจนในชั้นผิวนั้นก็ได้ลดลงไปแล้วกว่า 30% ซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้เกิดริ้วรอยต่าง ๆ ผิวพรรณที่หย่อนคล้ายนั่นเอง ซึ่งก็จะมีหลายคนสงสัยกันมากว่า คอลลาเจนนั้นจะลดลงตอนอายุเท่าไหร่ จะได้ซื้อคอลลาเจนได้มาเสริมให้ผิวพรรณยังเต่งตึง กระจ่างใสอยู่เสมอ ดังนั้นวันนี้เรามาหาคำตอบกัน คอลลาเจนจะลดลงตอนอายุเท่าไหร่ ร่างกายของคนเรานั้นจะมีการผลิตคอลลาเจนน้อยลงตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น ในช่วงอายุ 20 ปีต้น ๆ ผิวหนังของคนเราจะประกอบด้วยคอลลาเจนประมาณ 75% ตั้งแต่อายุ 25 ปีขึ้น ร่างกายจะลดการสร้างคอลลาเจนลง 1.5% เมื่ออายุ 40 ปี กระบวนการสร้างคอลลาเจนจะช้าลง 30 % การเชื่อมต่อของเนื้อเยื่อในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายก็จะอ่อนแอลง ผิวหนังเหี่ยวย่น มีริ้วรอยขาดความยืดหยุ่น…

วิตามินซีธรรมชาติ VS สังเคราะห์ อย่างไหนดีกว่ากัน

วิตามินซีธรรมชาติ VS สังเคราะห์ อย่างไหนดีกว่ากัน วิตามินซีที่วางขายตามท้องตลาดนั้น ถึงแม้ว่าจะเป็นวิตามินซีเหมือนกัน แต่แท้ที่จริงแล้วนั้นมีความแตกต่างกันอยู่ตรงที่กรรมวิธี โดยจะมีวิตามินซีจากธรรมชาติและวิตามินซีสังเคราะห์ ซึ่งน้อยคนหนักที่จะรู้ว่าวิตามินซี 2 อย่างนี้แตกต่างกันอย่างไร และอย่างไหนดีกว่ากัน ดังนั้นวันนี้เรามาหาคำตอบในเรื่องนี้กัน วิตามินซีคืออะไร วิตามินซี (Vitamin C) หรือกรดแอสคอร์บิค (Ascorbic Acid) เป็นวิตามินที่สามารถละลายในน้ำ ร่างกายของคนเราไม่สามารถสังเคราะห์ใช้เองได้ จึงทำให้เราจะต้องได้รับวิตามินซีผักและผลไม้ เช่น ผลไม้ตระกูลส้ม สตรอว์เบอร์รี่ และอะเซโรล่าเชอ์รี่เป็นต้น วิตามินซีธรรมชาติกับสังเคราะห์แตกต่างกันอย่างไร วิตามินซีจากธรรมชาติ ได้จากการสกัดจากผักและผลไม้ต่าง ๆ ที่ไม่วิตามินซีอยู่ ซึ่งวิตามินซีจากธรรมชาติจะมีความเป็นกรดต่ำกว่าแบบสังเคราะห์ โดยแบบธรรมชาติจะช่วยลดอาการระคายเคืองในการเดินอาหารได้ นอกจากนี้ยังมีสารไบโอฟลาโวนอยด์ที่จะช่วยในการดูดซึมวิตามินซี และช่วยเพิ่มความแข็งแรงของหลอดเลือดฝอยในร่างกาย วิตามินซีสังเคราะห์ ได้มาจากการสังเคราะห์ทางเคมี สูญสลายจากกระบวนการอ๊อกซิเดชั่น (Oxidation) ได้ง่าย มีความเป็นกรดสูงกว่าแบบทำธรรมชาติ ซึ่งอาจจะระคายเคืองกระเพาะอาหารได้ง่าย มีข้อดีคือราคาถูกและสามารถหาซื้อได้ง่าย วิตามินซีควรทานตอนไหน โดยทั่วไปวิตามินซีสามารถรับประทานได้ตอนท้องว่าง แต่ในกรณีที่มีผลข้างเคียงต่าง ๆ เช่นรู้สึกไม่สบายท้อง แสบร้อนหน้าอกหรือคลื่นไส้อาเจียน สามารถรับประทานพร้อมอาหารได้และควรลดขนาดการประทานให้น้อยลง ซึ่งการรับประทานวิตามินซีในปริมาณที่เหมาะสมตามความต้องการของร่างนั้น นอกจากจะทำให้การทำงานของวิตามินซีมีประสิทธิภาพดีแล้ว ยังสามารถป้องกันการเกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ…

เทคนิคการเลือกอาหารเสริมให้คุ้มค่า

เทคนิคการเลือกอาหารเสริมให้คุ้มค่า ในปัจจุบันนั้นเทรนด์รักสุขภาพกำลังมาแรงอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าใครก็หันมาดูแลตัวเองกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย การทานอาหารที่มีประโยชน์ รวมไปถึงการทานอาหารเสริมและวิตามินต่าง ๆ แต่การเลือกอาหารเสริมหรือวิตามินมาทานนั้นไม่ใช่เลือกกันได้ง่าย ๆ เพราะในท้องตลาดตลอดนั้นมีทั้งอาหารเสริที่ได้มาตรฐานและไม่ได้มาตรฐานปะปนอยู่รวมกันมากมาย ซึ่งถ้าหากทานอาหารเสริมที่ไม่ปลอดภัยนั้นอาจทำให้ร่างกายมีอันตรายได้ ซึ่งในวันนี้เราได้มีเทคนิคการเลือกอาหารเสริมฝากกัน โดยมีดังต่อไปนี้ นึกถึงความจำเป็นต่อร่างกาย ร่างกายของแต่ละคนนั้นต้องการสารอาหารที่แตกต่างกัน เช่นคนที่อายุ 20 ที่ยังไม่เผชิญปัญหากระดูกพรุน ก็ไม่ต้องจำเป็นจะต้องทานอาหารเสริมแคลเซียม หรือคนที่ไม่ได้มีปัญหาด้านผิวหนังเป็นพิเศษ ก็อาจไม่จำเป็นต้องทานวิตามินเอ เพราะสามารถรับวิตามินจากอาหารก็เพียงพอแล้วหากทานมากไปวิตามิน อาจจะสะสมอยู่ในร่างกายจนเกิดเป็นโทษได้ ดังนั้นการเลือกซื้ออาหารเสริมหรือวิตามินนั้น ควรถามตัวเองก่อนว่ามีความจำเป็นจะต้องทานจริงหรือไม่ ส่วนประกอบและปริมาณที่เหมาะสม โดยทั่วไปแล้วนั้นฉลากของผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและวิตามินจะมีระบุไว้เสมอว่า ผลิตภัณฑ์นั้นประกอบด้วยสารอาหารอะไรบ้างและมีปริมาณเท่าไหร่ต่อหนึ่งหน่วยบริโภค ซึ่งเราจะต้องดูให้ดีและนำมาเปรียบเทียบว่าปริมาณที่เราทานเข้าไปนั้นคิดเป็นกี่เปอร์เซ็นของ RDA หรือปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้รับประทานต่อวัน ซึ่งถ้าหากอาหารเสริมมีปริมาณสารอาหารไม่ถึง 100% ของ RDA ก็จำเป็นต้องรับวิตามินและเกลือแร่จากอาหารเพิ่มเติม เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีการรับรอง อาหารเสริมหรือวิตามินทุกชนิดที่เรารับประทานนั้น จะต้องมั่นใจก่อนว่ามี อย. รับรองอย่างถูกต้อง เพราะนั่นจะแสดงว่าอาหารเสริมหรือวิตามินเหล่านั้นได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา สามารถรับประทานได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้มาตรฐาน GMP ก็ยังมีความสำคัญเช่นเดียวกัน เพราะเป็นการบ่งบอกถึงมาตรฐานในอุตสาหกรรมการผลิตยาและเครื่องสำอาง ดูวิธีการทานอย่างถูกต้อง วิธีการทานนั้นก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เพราะว่าถ้าซื้ออาหารเสริมหรือวิตามินที่ดี มีคุณภาพแต่ทานไม่ถูกวิธีก็ไม่สามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ดังนั้นก่อนเลือกซื้ออาหารเสริมจึงจะต้องอ่านฉลากให้ดีว่าผลิตภัณฑ์นั้นควรทานในเวลาใด ทานพร้อมกับอาหารได้หรือไม่ ต้องทานวันละกี่เม็ด และนอกจากนี้…

เรื่องที่ต้องรู้ก่อนทานวิตามินซีเสริม

เรื่องที่ต้องรู้ก่อนทานวิตามินซีเสริม วิตามินซี เป็นหนึ่งวิตามินที่ร่างกายมีความต้องการเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิต้านทาน ต่อต้านอนุมูลอิสระและช่วยบำรุงผิวพรรณได้เป็นอย่างดี ทำให้คนเรานั้นจะต้องหาวิตามินซีเสริมมาทานให้ร่างกายได้รับวิตามินซีอย่างเพียงพอต่อความต้องการอยู่เสมอ โดยสามารถหาวิตามินซีได้จากพืชผัก ผลไม้ทั่วไป โดยเฉพาะผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว หรือจะเป็นวิตามินซีเสริมที่อยู่ในรูปแบบของอาการเสริม ซึ่งการเรานั้นจะซื้อวิตามินซีเสริมมาทานนั้น จำเป็นจะต้องรู้เรื่องต่าง ๆ ของวิตามินซีก่อน ซึ่งมีดังต่อไปนี้ อาจทำให้ระบบทางเดินอาหารแปรปรวนในปริมาณที่มากเกินไป การทานวิตามินซีนั้นอาจจะไม่ค่อยมีผลข้างเคียงอะไรมากมาย เพราะวิตามินซีเป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ เมื่อทานเข้าไปเกินก็ถูกขับออกมาทางปัสสาวะ แต่หากทานในปริมาณที่มากเกินไปเช่นทานเกินวันละ 1,000 มิลลิกรัม อาจจะทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์เช่น ท้องเสีย ท้องอืด ปวดท้อง เป็นต้น ก่อให้เกิดนิ่วในไตเมื่อทานมากไป มีการศึกษาพบว่า เมื่อทานวิตามินเสริมแบบเม็ดมากกว่าวันละ 1,000 มิลลิกรัม มีความเสี่ยงจะเกิดนิ่วในไต เนื่องจากมีการาขับวิตามินซีออกทางปัสสาวะ ทำให้มีสารออกซาเลตมากกว่าปกติ เกิดการรวมกันเป็นก้อนนิ้ว ยิ่งถึงใครที่ดื่มน้ำในแต่ละวันน้อย ยิ่งส่งผลให้ปัสสาวะมีความเข้มข้นขึ้น ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคไต อันตรายต่อผู้ป่วยทาลัสซีเมีย วิตามินซีส่งผลต่อการดูดซึมธาตุเหล็กเพิ่มมากขึ้น จึงไม่แนะนำให้กับผู้ป่วยที่เป็นโรคทาลัสซีเมีย หรือผู้ที่มีภาวะเหล็กเกิน เพราะในเลือดของผู้ป่วยได้รับมีธาตุเหล็กสูงกว่าปริมาณธาตุเหล็กปกตอที่ร่างกายสามารถรับได้ เมื่อสะสมนานวันขึ้นจะส่งผลเสียต่อการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ เช่น ตับ หัวใจ ไต ระบบต่อมไร้ท่อ นำไปสู่โรคแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจวาย…

วิตามินซีเสริมมีรูปแบบอะไรบ้าง

วิตามินซีเสริมมีรูปแบบอะไรบ้าง ถ้าเอ่ยถึงวิตามินซีแล้วทุกคนนั้นก็จะรู้ถึงประโยชน์ของวิตามินซีอย่างมากมาย โดยเฉพาะการเพิ่มภูมิต้านทานและป้องกันหวัด และประโยชน์ที่สำคัญก็คือมีสรรพคุณเพิ่มความกระจ่างใสให้ใบหน้าและผิวพรรณ แต่ใช่ว่าทุกคนที่มีปัญหาแล้วจะทานวิตามินซีนั้น จะทานในปริมาณเดียวกัน หรือรูปแบบเดียวกันหมด เพราะวิตามินซีนั้นมีหลายรูปแบบ ดังนั้นในวันนี้เราจะไปดูรูปแบบของวิตามินเสริมกันว่ามีรูปแบบอะไรบ้าง ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย วิตามินซีเสริมรูปแบบต่าง ๆ แบบอัดเม็ด วิตามินซีประเภทนี้โดยทั่วไปจะมีขนาดตั้งแต่ 25 – 1,000 มก. แต่ขนาดที่นิยมทั่วไปก็คือ 500 และ 1,000 มก. ซึ่งหากเป็นไปได้ควรเลือกทานที่ระบุว่าเป็นแบบ Bufferred, Sustained Release หรือ Slow Release เพราะตัววิตามินซีจะค่อย ๆ ปล่อยจากเม็ดยาช้า ๆ ทำให้วิตามินซีออกฤทธิ์ได้นานขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ไม่ระคายเคืองกระเพาะอาหาร แต่ระดับวิตามินซีในกระแสเลือดที่ได้รับนั้นไม่แตกต่างจากรูปแบบเม็ดทั่วไปที่ปล่อยวิตามินซีแบบทันที แบบเม็ดอม มีขนาดตั้งแต่ 25 – 500 มก. เหมาะกับผู้ที่ไม่ชอบกลืนแบบเม็ด แต่ก็ต้องรู้ไว้เสมอว่าการอมวิตามินซีแบบเม็ดบ่อย ๆ กรดที่ออกมานั้นจะทำให้สารเคลือบฝันบางจนฟันกร่อนได้ แบบเม็ดเคี้ยว โดยปกติมีขนาด 30 มก. เหมาะสำหรับเด็ก เพราะมีรสหวานชวนทาน แต่ก็ต้องระวังด้วยแบบเม็ดเคี้ยวนั้นมีปริมาณน้ำตาลที่สูง อาจส่งผลให้เกิดฝันผุได้เมื่อทานเป็นประจำ…