วิธีเลือกซื้ออาหารเสริมอย่างปลอดภัย

วิธีเลือกซื้ออาหารเสริมอย่างปลอดภัย อาหารเสริมที่กำลังเป็นนิยมอย่างแพร่หลายในตลาดปัจจุบันนี้ เห็นได้จากไม่ว่าจะไปทางไหนก็จะมีอาหารเสริมหน้าตาหลากหลายวางขายกันจนเลือกไม่ถูก ซึ่งในหมู่อาหารเสริมเหล่านั้นก็จะมีทั้งอาหารเสริมที่ปลอดภัยและอาหารเสริมที่เป็นอันตราย โดยอาจจะมีการใส่สารต่าง ๆ ที่เป็นอันตรายลงไปในอาหารเสริม ทำให้ผู้ที่บริโภคนั้นอันตรายเมื่อเกิดการสะสมอาจจะอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้นการเลือกซื้ออาหารเสริมอย่างปลอดภัยจึงเป็นวิธีที่ดีในการที่จะทำให้ผู้บริโภคหลีกเลี่ยงอาหารเสริมที่ไม่ปลอดภัยได้ โดยการเลือกอาหารเสริมอย่างปลอดภัยมีดังต่อไปนี้ ฉลาก อย. เรื่องที่เราจะต้องดูเป็นอย่างแรก นั่นก็คือ ฉลาก อย. ขององค์การอาหารและยา เรามักจะได้ยินหรือการบอกต่อกันว่าสินค้าที่ดีนั้นจะต้องมีฉลาก อย.ติดอยู่ด้วย ถึงจะรับประทานได้ แต่ในปัจจุบันนั้นเราจะดูมากกว่านั้น นั่นคือเราจะต้องดูด้วยว่า ฉลากที่เขาเอามาอ้างนั้นเป็นเลขที่อย.ของจริงหรือไม่ หรือเป็นของปลอม เนื่องจากสมัยนี้ มีการปลอมเลข อย.กันเยอะมาก เพราะฉะนั้นควรเอาเลขทะเบียนมาเช็คกับทาง อย. ด้วยว่าเป็นเลขของสินค้าจริงหรือไม่ หากไม่ใช่ก็ไม่ควรซื้อมา องค์ประกอบของสินค้า อาหารเสริมส่วนใหญ่นั้นจะเป็นการนำสารสกัดจากธรรมชาติมารวมกับสารสังเคราะห์บางอย่าง ซึ่งเราเองก็จะต้องอ่านองค์ประกอบของสินค้าให้ละเอียด ไม่ว่าจะเป็นสารสกัดและสารสังเคราะห์ เนื่องจากองค์ประกอบสินค้าบางอย่างอาจจะเป็นสารสังเคราะห์ ส่งผลเสียต่อร่างกาย หากไม่แน่ใจในสารดังกล่าว ควรหลีกเลี่ยงเพื่อความปลอดภัยจากอาหารแพ้ แบรนด์ของสินค้า อย่างที่บอกไว้ในตอนแรกว่า ปัจจุบันตลาดอาหารเสริมบ้านเรานั้นเติบโตมากทั้งปริมาณและแบรนด์ต่าง ๆ มีทั้งแบรนด์ดั้งเดิมและแบรนด์ใหม่ หวังเข้ามาตีตลาดอาหารเสริมเป็นจำนวนมาก ทำให้เรานั้นควรที่จะศึกษาแบรนด์หรือยี่ห้อนั้น ๆ ว่ามีความน่าเชื่อถือมากแต่ไหน บางแบรนด์อาจจะเพิ่งเกิดขึ้นมาไม่นานแถมไม่มีผู้เชี่ยวชาญรองรับอีกด้วย อาศัยเอาพรีเซนเตอร์มาขายสินค้าให้อย่างเดียว ราคาของสินค้า เรื่องของราคานั้นก็นับได้ว่าเป็นปัจจัยอีกข้อหนึ่งที่จะต้องดูให้ดี บางคนอยากได้อาหารเสริมที่สามารถทำนั่นทำนู่นได้เหมือนยาแก้โรควิเศษ ขาวได้ ผิวเด้ง…

ทำไมวิตามินซีเสริมต้องอะเซโรล่า เชอร์รี่

ทำไมวิตามินซีเสริมต้องอะเซโรล่า เชอร์รี่ วิตามินซีเสริม คือวิตามินเสริมสำหรับผู้ที่ต้องการวิตามินซี ซึ่งปัจจุบันในท้องตลาดนั้นมีการจำหน่ายอย่างมากมาย แต่โดยส่วนใหญ่มากนั้นจะมีการสกัดมากจากส้ม แต่ก็ยังมีสารสกัดอีกตัวที่มีสรรพคุณพอ ๆ กับส้มหรืออาจจะมากกว่าส้มที่ถูกนำมาทำเป็นวิตามินซีเสริมเช่นกัน นั้นก็คือ อะเซโรล่า เชอร์รี่  แต่เนื่องจากวิตามินซีเสริมที่สกัดมาจากอะเซโรล่าเชอร์รี่นั้นมีปริมาณที่น้อย ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยรู้จักหรือรู้ถึงประโยชน์ของวิตามินซีอะเซโรล่าเชอร์รี่เท่าไหร่นัก ดังนั้นในวันนี้เราจะพาดูกันว่าทำไมวิตามินซีเสริมต้องอะเซโรล่า เชอร์รี่ อะเซโรล่าเชอร์รี่คืออะไร อะเซโรล่าเชอร์รี่ เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่มีหน้าตาคล้าย ๆ กันกับลูกเชอร์รี่แต่ลูกจะแป้นและกลมกว่า เมื่อสุกจะส่งกลิ่นหอมหวานคล้าย ๆ กับแอปเปิ้ล รสชาติเปรี้ยวอมหวาน มีสีแดง ผลของอะเซโรล่าเชอ์รี่นั้นจะบอบบางมาก เวลาที่เก็บมาผลจะช้ำได้ง่ายมาก เมื่อต้องเก็บแล้วต้องเก็บไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 7 องศาเซลเซียส จึงจะไม่เกิดเป็นเชื้อรา นอกจากนี้อะเซโรล่าเชอร์รี่ยังเป็นผลไม้ที่มากไปด้วยคุณประโยชน์ยิ่งกว่าผลไม้อีกมากมายหลายชนิดบนโลก เนื่องจากปริมาณวิตามินซีบริสุทธิ์ในผลอะเซโรล่าเชอร์รี่ที่มีมากถึง 1,644 มิลลิกรัมจากการกลิ่นน้ำอะเซโรล่าเชอร์รี่ 1 ถ้วยและยังมีแร่ธาตุวิตามินอื่น ๆ อีกมากมาย ทำไมวิตามินซีเสริมต้องอะเซโรล่า เชอร์รี่ แหล่งวิตามินซีชั้นดี อะเซโรล่าเชอร์รี่นั้นเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมภูมิต้านทานของร่างกาย ไขมันอิ่มตัวและโซเดียมต่ำ ไม่มีคอเรสเตอรอล และมีการวิจัยมาแล้วว่าปริมาณวิตามินซีสูงกว่าที่พบในส้มถึง 30 – 80 เท่า มีการศึกษาพบว่า ผู้ที่รับประทานวิตามินซีอย่างต่อเนื่องเป็นประจำตลอดระยะเวลา 5…

อยากผิวขาวใส ต้องกินวิตามินซีคู่กับอะไร

อยากผิวขาวใส ต้องกินวิตามินซีคู่กับอะไร มีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยเลย ที่อยากจะมีผิวที่ขาว กระจ่างใส เลยทำให้ค้นหาสารพัดวิธีเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ของผิวตามที่ตัวเองต้องการไม่ว่าจะเป็น การทานอาหารเสริม การฉีดผิวหรืออื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งหนึ่งในวิธีที่หลายคนนิยมทำการก็คือ การทานวิตามินซี ไม่ว่าจะเป็นวิตามินจากธรรมชาติ หรือวิตามินซีเสริม ซึ่งวิตามินซีนั้นขึ้นชื่อในเรื่องของการดูแลและบำรุงผิวพรรณไม่แพ้ไปกว่าวิตามินตัวอื่นเลย และจะยิ่งได้ผลดีขึ้นเมื่อทานควบคุมไปกับสารอาหารบ้างอย่าง ดังนั้นในวันนี้เรามาดูกันว่าถ้าอยากผิวขาวใส ต้องกินวิตามินซีคู่กับอะไรได้บ้าง วิตามินซี คืออะไร วิตามินซี (Vitamin C) ถือเป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ โดยที่ร่างกายไม่สามารถสร้างได้เอง จำเป็นต้องรับจากอาหารเท่านั้น โดยอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซีส่วนมากแล้วมักพบในผลไม้รสเปรี้ยวเช่น อะเซโรล่า เชอร์รี่ ส้ม ฝรั่ง มะนาว รวมถึงผักบางชนิด ก็มีวิตามินซีอยู่เช่นเดียวกัน บร็อคโคลี มะเขือเทศ ผักโขม เป็นต้น วิตามินซี นั้นช่วยสร้างเสริมให้ร่างกายในหลาย ๆ ด้าน ทั้งช่วยในการดูดซึมแร่ธาตุและสารอาหารต่าง ๆ วิตามินซีถือเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยลดริ้วรอยบนผิวได้ นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงผิวให้สุขภาพดีขึ้นและช่วยให้ขาวขึ้นได้ หากมีการกินร่วมกับวิตามินตัวอื่น วิตามินซีกินคู่กับอะไรบ้าง กินวิตามินซีคู่กับกลูต้าโอน เมื่อเรากินวิตามินซีคู่กับกลูต้าไธโอนแล้วนั้น วิตามินซีจะเข้าไปช่วยกลูต้าไธโอนจับสารอนุมูลอิสระ ซึ่งส่งผลให้เรามีสุขภาพผิวที่ดีขึ้นและริ้วรอยลดลงได้ นอกจากนี้วิตามินซียังเข้าไปช่วยกระตุ้นให้กลูต้าไธโอนให้สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งจะส่งผลให้ร่างกายผลิตเม็ดสีผิวเข้มลดลงและส่งผลให้เรามีผิวที่แลดูขาวขึ้นได้…

ใครบ้างที่ไม่ควรทานคอลลาเจน

ใครบ้างที่ไม่ควรทานคอลลาเจน ตอนนี้อาหารเสริมที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากก็คงหนีไม่พ้น คอลลาเจนผง หรือคอลลาเจนเสริม ซึ่งเป็นอาหารเสริมที่จะช่วยให้ร่างกายนั้นได้รับคอลลาเจนในปริมาณที่เพียงพอ เพื่อช่วยบำรุงผิวพรรณให้ผิวพรรณกระชับ เต่งตึง เนียนนุ่มน่าสัมผัส ลดเลือนริ้วรอยและจุดด่างดำ รวมไปถึงการดูแลกระดูกและข้อต่อต่าง ๆ ด้วยเหตุเหล่านั้นจึงทำให้มีผู้ที่ต้องการเสริมสร้างคอลลาเจนในร่างกายหันมาสนใจและรับประทานคอลลาเจนเสริมกันมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้น ก็จะมีผู้บริโภคบางคนที่ไม่สามารถทานคอลลาเจนเสริมได้ ด้วยสาเหตุหลายประการ โดยในวันนี้เราจะพาคุณไปดูกันว่าใครบ้างที่ไม่ควรทานคอลลาเจนเสริม คอลลาเจนในร่างกายจะลดลงไปตอนอายุเท่าไหร่ ร่างกายของคนเรานั้นจะมีการผลิตคอลลาเจนน้อยลงตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น ในช่วงอายุ 20 ปีต้น ๆ ผิวหนังของคนเราจะประกอบด้วยคอลลาเจนประมาณ 75% ตั้งแต่อายุ 25 ปีขึ้น ร่างกายจะลดการสร้างคอลลาเจนลง 1.5% เมื่ออายุ 40 ปี กระบวนการสร้างคอลลาเจนจะช้าลง 30 % การเชื่อมต่อของเนื้อเยื่อในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายก็จะอ่อนแอลง ผิวหนังเหี่ยวย่น มีริ้วรอยขาดความยืดหยุ่น และบริเวณข้อต่อเริ่มไม่แข็งแรง ดังนั้นอายุที่ควรเริ่มทานคอลลาเจนก็คือ 25 ปีขึ้นไป ใครบ้างที่ทานคอลลาเจนไม่ได้ ผู้ที่อ่อนไหวต่อการบริโภคโปรตีนหรือมีประวัติแพ้โปรตีนมาก่อน ผู้ที่แพ้อาหารทะเล เพราะส่วนมากคอลลาเจนในปัจจุบันถูกสกัดมาจากปลา ผู้ป่วยที่เคยมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับไตและตับ เพราะอาจก่อให้เกิดความผิดปกติต่อระบบทางเดินอาหารได้ หากต้องการรับประทานควรปรึกษาแพทย์ก่อนเท่านั้น คอลลาเจนช่วยอะไรบ้าง ? คอลลาเจนนั้นมีหน้าที่สร้างความแข็งแรงและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว ช่วยสร้างเนื้อเยื่อใหม่…

คอลลาเจน

คอลลาเจนกับคอลลาเจนเปปไทด์ต่างกันอย่างไร

คอลลาเจนกับคอลลาเจนเปปไทด์ต่างกันอย่างไร คอลลาเจน อาหารเสริมที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันที่ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็จะเจอ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบผงชงดื่ม แบบเม็ดหรือแม้แต่เป็นส่วนผสมในครีมหรืออาหารเสริมอื่น ๆ แต่หลายคนก็เคยอาจจะได้ยินคำว่าคอลลาเจน หรือ คอลลาเจนเปปไทด์ ทำให้ผู้บริโภคหลายคนเกิดความสงสัยว่าทั้งสองอย่างนี้เหมือนกันหรือแตกต่างกันอย่างไร ดังนั้นเราไปดูกันดีกว่าสองอย่างนี้เหมือนหรือต่างกันแน่ คอลลาเจน (Collagen) คอลลาเจน เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่สามารถพบได้ทั่วร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นตามบริเวณข้อต่อ กล้ามเนื้อ กระดูกอ่อน เซลล์ต่าง ๆ หลอดเลือด หรือแม้แต่ในเนื้อเยื่อในอวัยวะ โดยคอลลาเจนจะทำหน้าที่ในการประสานเนื้อเยื่อต่าง ๆ ของผิวหนังเข้าด้วยกัน ซึ่งเมื่ออายุของคนเรามากขึ้นคอลลาเจนในร่างกายจะเริ่มมีการผลิตคอลลาเจนในร่างกายลดลงไปเรื่อย ๆ ทำให้เกิดปัญหาตามผิวพรรณอย่าง ริ้วรอยแห่งวัย จุดด่างดำที่ลดเลือนช้า ผิวหนังที่หย่อนคล้อย เป็นต้น คอลลาเจนเปปไทด์ (Collagen Peptide) คอลลาเจนเปปไทด์ เป็นคอลลาเจนที่ผ่านการย่อยด้วยเอนไซม์จนมีโมเลกุลขนาดเล็ก ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าคอลลาเจนทั่วไปถึง 1,000 เท่า ส่งผลให้ร่างกายสามารถดูดซึมและนำไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่ารูปแบบอื่น ๆ ดังนั้นคอลลาเจนเปปไทด์เป็นนวัตกรรมที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้ร่างกายดูดซึมคอลลาเจนได้ดีกว่าเดิม การทำงานของคอลลาเจนเปปไทด์ คอลลาเจนเปปไทด์นั้นจะถูกย่อยในลำไส้เล็กและเกิดกรดอะมิโนอิสระ ซึ่งเปปไทด์จะถูกดูดซึมผ่านเยื่อลำไล้เล็กเข้าสู่กระแสเลือดและกระจายไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายโดยเฉพาะในชั้นผิวหนังชั้นใน กระดูก กล้ามเนื้อตามลำดับ ซึ่งคอลลาเจนเปปไทด์และกรดอะมิโนอิสระจะสร้างส่วนประกอบที่ใช้สร้างเส้นใยคอลลาเจนและอิลาสตินให้กับร่างกาย และกระตุ้นการเพิ่มจำนวนไฟโบราลาสต์ ซึ่งถือว่าเป็นกุญแจสำคัญในการสังเคราะห์คอลลาเจน ความแตกต่างของคอลลาเจนกับคอลลาเจนเปปไทด์…